
ประเพณีแข่งเรือประจำจังหวัดมุกดาหารหรือ ประเพณีท้องถิ่นอีสาน - การเบิกน่านน้ำ
ภาค ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
จังหวัด มุกดาหาร
ช่วงเวลา กระทำในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ ในเทศกาลออกพรรษา ก่อนจะมีการแข่งขันเรือพาย
•ความสำคัญ
เนื่องจากจังหวัดมุกดาหารตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง จึงมีประเพณีการแข่งขันเรือพายขึ้น ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ เรียกว่า งานออกพรรษา ประเพณีการแข่งเรือถือว่าเป็นการบูชาพญานาค ๗ ตระกูล และเชื่อมความสัมพันธไมตรีระหว่างชาวมุกดาหารกับชาวสวันเขต ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
•พิธีกรรม
ก่อนจะมีการแข่งขันเรือ จะต้องทำพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ศาลเจ้าฟ้ามุงเมือง และศาลเจ้าแม่สองนางพี่น้อง โดยจะมีขบวนแห่จากชาวคุ้มวัดต่าง ๆ เพื่ออัญเชิญเจ้าฟ้ามุงเมืองลงเรือลำแรก (ชื่อเรือมุกดาสวรรค์) โดยเจ้าฟ้ามุงเมืองในร่างของจ้ำหรือคนทรงจะประทับนั่งที่หัวเรือ เพื่อเป็นการเบิกน่านน้ำ ให้การแข่งขันเรือพายในครั้งนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย เกิดผลดี เป็นสิริมงคล เกิดความสนุกสนานแก่ปวงชนปราศจากอุปสรรคทั้งปวง ต่อจากเรือมุกดาสวรรค์จะเป็นขบวนเรือประเพณี ประกอบด้วยฝีพายที่เป็นหญิง แต่งกายสีสันตามแบบพื้นเมือง หัวเรือ ๒ คน และท้ายเรือ ๓ คน จะเป็นชาย หลังจากล่องเรือแข่งกันแล้วจะเริ่มพายทวนน้ำจากหน้าวัดศรีบุญเรืองไปสิ้นสุด ที่หน้าวัดศรีมงคลใต้ ระหว่างทางจะหยุดรับเครื่องสักการะจากชาวบ้าน มีเหล้า ดอกไม้ ธูป เทียน และดอกดาวเรือง ส่วนเรือประเพณีที่ตามหลังจะมีสาวงาม ๑ คน ฟ้อนหางนกยูงอย่างสวยงามที่หัวเรือ พร้อมกับฝีพายจะร้องเล่น เซิ้งและผญาอย่างสนุกสนาน•สาระ
เป็นการสืบทอดวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามที่มีมาแต่โบราณ เชื่อมสัมพันธไมตรี ระหว่างพี่น้องสองฝั่งโขงไทย-ลาว แสดงถึงความสามัคคีของชาวจังหวัดมุกดาหารและชาวสวันเขต ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

"ประเพณีแข่งเรือ" เป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาตั้งแต่อดีต ซึ่งแข่งขันกันในช่วงเทศกาลหลังออกพรรษา เป็นการละเล่นในยามน้ำหลากที่สืบทอดมาแต่โบราณ และมักมีการแข่งเรือควบคู่ไปกับการทำบุญ ปิดทองไหว้พระและงานกฐิน ช่วยสร้างบรรยากาศให้งานบุญครึกครื้นขึ้นประเพณีแข่งเรือ
อีกทั้งยังเป็นการละเล่นที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวไทยในชนบทที่อยู่อาศัยใกล้แม่น้ำลำคลอง ในช่วงเดือนสิบเอ็ดและเดือนสิบสอง ชาวบ้านเว้นว่างจากการทำไร่ทำนา เป็นโอกาสที่หนุ่มสาวได้พบปะเกี้ยวพาราสีกัน ได้เห็นฝีไม้ลายมือของชายอกสามศอก ได้เห็นความสามัคคีพร้อมเพรียงของเหล่าหนุ่มฝีพาย
การแข่งเรือมักมีการเล่นเพลงเรือ เพลงปรบไก่เพลงครึ่งท่อน และสักวาโต้ตอบกันระหว่างหนุ่มสาวหลังการแข่งเรือ เป็นกรใช้ฝีปากไหวพริบและความเป็นเจ้าบทเจ้ากลอน โต้ตอบเกี้ยวพาราสีกัน ได้แสดงความสามารถทั้งหญิงและชาย ผู้ดูมีทั้งอยู่บนตลิ่ง และที่พายเรือกันไปเป็นหมู่ ต่างสนุกสนานกันทั่วหน้า และได้ถือปฏิบัติกันมาทุกปีอย่างช้านาน เพื่อเป็นการสืบทอดรักษาวัฒนธรรมและประเพณีอันดีงามให้คงอยู่สืบต่อไป
จังหวัดน่าน ถือเป็นจังหวัดต้นแบบที่ได้นำร่องในการประกาศให้ "งานประเพณีแข่งเรือ" เป็นเขตปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีการห้ามขายและดื่มภายในบริเวณจัดงานอย่างเด็ดขาด จนประสบความสำเร็จทั้งในด้านของการลดจำนวนอุบัติเหตุ การทะเลาะวิวาทและการก่ออาชญากรรมในรูปแบบต่างๆ
สำหรับงานประเพณีแข่งเรือชิงถ้วยพระราชทานประจำปี 2552 ที่ได้ประกาศให้เป็นเขตปลอดเหล้าเบียร์และน้ำเมาทุกชนิด สนับสนุนโดยสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้าและ สสส. จัดขึ้นในหลายพื้นที่ในจังหวัดต่างๆ ของประเทศไทย เริ่มจากเมื่อวันที่ 2-4 ตุลาคมที่ผ่านมาเป็นการแข่งเรือออกพรรษาไทย-ลาว (มุกดาหาร-สะหวันนะเขต) ปลอดเหล้าชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรี และมิตรภาพอันดีระหว่างจังหวัดมุกดาหาร กับแขวงสะหวันนะเขต สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว พร้อมสืบสานวัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม ณ ท่าน้ำเขื่อนริมโขงตลาดอินโดจีน เทศบาลเมืองมุกดาหาร
ถัดมาในวันที่ 3-4 ตุลาคม จัดที่บริเวณแม่น้ำมูล เชิงสะพานพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี วันที่ 3-5 ตุลาคม งานประเพณีตักบาตรเทโวและการแข่งขันเรือยาวพื้นบ้าน ณ แม่น้ำสะแกกรัง ลานสุพรรณิการ์ หน้าศาลากลางจังหวัดอุทัยธานี วันที่ 2-9 ตุลาคม ประเพณีแห่พระแข่งเรือ ชิงโล่และถ้วยพระราชทาน ขึ้นโขนชิงธง มรดกวัฒนธรรมแห่งลุ่มน้ำหลังสวน ประจำปี 2552 ณ เทศบาลเมืองหลังสวน และแม่น้ำหลังสวน จังหวัดชุมพร
ล่าสุดวันที่ 16-18 ตุลาคม เป็นงานประเพณีแข่งเรือน่านปลอดเหล้าเบียร์ ณ สะพานพัฒนาภาคเหนือ ลำน้ำน่าน เทศบาลเมือง จังหวัดน่าน ปิดท้ายรายการในวันที่ 23-25 ตุลาคม งานประเพณีแข่งขันเรือยาว ณ สะพานข้ามแม่น้ำมูล บริเวณสวนเฉลิมพระเกียรติพระบรมราชินนีนาถฯ เทศบาลตำบลท่าตูม อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์
จากข้อมูลฝ่ายจัดงานประเพณีแข่งเรือปลอดเหล้าในหลายจังหวัด พบว่า ช่วยสร้างสุขภาวะให้คนในจังหวัดนั้นๆ มีความสุขและปลอดภัยกับการร่วมงานแข่งเรือ เพราะเมื่อก่อนมักจะพบการทะเลาะวิวาทจนได้รับบาดเจ็บ ผู้หญิงถูกลวนลามหรือถูกทำร้าย
แต่เมื่องานดังกล่าวถูกประกาศให้เป็นเขตไร้แอลกอฮอล์ห้ามซื้อขายและดื่มในบริเวณงาน ก็ช่วยให้ประชาชนที่มาร่วมงานได้เชียร์ได้ชมเรือแข่งกันอย่างมีความสนุกสนานโดยไม่ต้องพึ่งน้ำเมา อีกทั้งยังลดอุบัติเหตุการสูญเสียชีวิตและพิการ ทำให้งานแข่งเรือเป็นงานบุญต้นแบบที่ดีงาม ภาพของธุรกิจเหล้าเบียร์ที่แอบแฝงโฆษณาภายในงาน ก็น่าจะเหลือพื้นที่น้อยลงไปเรื่อยๆ
งานประเพณีแข่งเรือออกพรรษาไทย-ลาว มุกดาหาร สืบสานพิธี “ตีช้างน้ำนอง” แห่งเดียวในประเทศ
งานประเพณีแข่งเรือออกพรรษา จังหวัดมุกดาหาร เดิมมีชื่อเรียกว่า "บุญส่วงเฮือ" เมื่อสมัยอดีตกาลครั้งยังเป็นเมืองมุกดาหาร ในปีหนึ่งๆ เจ้าเมืองกินรี จัดให้มีพิธีดื่มน้ำพิพัฒน์สัตยาปีละ 2 ครั้ง คือในวันตรุษสงกรานต์ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 และในวันสาร์ท ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ผู้รับราชการสนองพระเดชพระคุณ ทุกหัวเมืองน้อยใหญ่ จะต้องมาร่วมประกอบพิธีดังกล่าว จะขาดเสียมิได้ เพราะถือมีความผิดร้ายแรง ในการเดินทางมาร่วมพิธีนั้น ส่วนใหญ่จะเดินทางด้วยเรือ ซึ่งเป็นยานพาหนะที่สำคัญในยุคสมัยนั้น เนื่องจากมีความสะดวก โดยเฉพาะในวันขึ้น 15 เดือน 11 ค่ำ ซึ่งตรงกับช่วงวันออกพรรษา เมื่อประชาชนทุกหมู่บ้านมารวมกันจำนวนมาก จึงได้เกิดแนวคิดในการจัดเรือที่เป็นพาหนะในการเดินทางมาประชันแข่งขันพายเรือกันเพื่อความสนุกสนาน สมานสามัคคีระหว่างหัวเมืองน้อยใหญ่
ก่อนเริ่มพิธีการแข่งขันทางน้ำ เรือทุกลำจะต้องเข้าขบวนเรือ และไปรวมกัน ณ ท่าน้ำจุดใดจุดหนึ่ง จากนั้นจะร่วมกันพายเรือล่องลงมาตามลำน้ำโขง ระหว่างการพายเรือก็จะโห่ร้องเอาฤกษ์เอาชัย เคาะเกราะ ตีกลอง เป็นจังหวะ ขณะพายจะวิดน้ำขึ้นบนฟ้า ฝอยน้ำจากไม้พายจะกระเซ็นขึ้นบนอากาศ ตามโบราณเรียกลักษณะเช่นนี้ว่า คล้ายกับโขลงช้างกำลังเล่นน้ำ จนทำให้บริเวณน้ำแห่งนั้นเป็นคลื่นใหญ่ ซัดเข้ากระทบฝั่ง น้ำล้นตลิ่งและเกิดเสียงดัง คนโบราณจึงเปรียบลักษณะดังกล่าวว่าเป็น พิธี ”ตีช้างน้ำนอง”
พิธี "ตีช้างน้ำนอง" กำเนิดขึ้นในงานประเพณีแข่งเรือออกพรรษาที่จังหวัดมุกดาหาร ตั้งแต่ปี 2531 เป็นแห่งแรกและแห่งเดียวของประเทศไทย นายสัมฤทธิ์ โภคสวัสดิ์ นายกเทศมนตรีเมืองมุกดาหาร จึงมีแนวคิดในการเชิญชวนประชาชนชาวคุ้มต่าง ๆ ตลอดจนเพื่อนบ้านจากแขวงสะหวันนะเขต สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ร่วมงานประเพณีแข่งเรือออกพรรษา และสืบสานพิธี “ตีช้างน้ำนอง” ให้คงอยู่เป็นเอกลักษณ์ของการแข่งเรือออกพรรษา จังหวัดมุกดาหาร นักท่องเที่ยวที่ต้องการชมความยิ่งใหญ่ในพิธี “ตีช้างน้ำนอง” สามารถชมได้ในวันแรกของการแข่งขันเรือประเภทความเร็ว คือวันที่ 13 ตุลาคม 2551 เวลา 09.00 น. ที่บริเวณลำน้ำโขง ตลาดอินโดจีน จังหวัดมุกดาหาร